ก้าวไกลในโลกกว้าง
การโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงแสนรัก
การทำโคลนนิ่งโดยทั่วไปเป็นการนำเซลล์ไข่ที่ไม่ได้ปฏิสนธิมาดูดนิวเคลียสออก
แล้วนำนิวเคลียสจากเซลล์ร่างกาย (เช่น เซลล์ลำไส้ เซลล์ผิวหนัง เซลล์เต้านม ฯลฯ)
มาใส่ในเซลล์ไข่แทน ปล่อยให้เซลล์ไข่แบ่งเซลล์เจริญเป็นเอมบริโอนานประมาณ 6 วัน จึงย้ายไปใส่ในมดลูกของเพศเมียเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์และคลอดออกมาเป็นตัวอ่อน
ตัวอ่อนจะมีลักษณะเหมือนสัตว์ต้นแบบทุกประการ
ในปัจจุบันสามารถทดลองโคลนนิ่งสัตว์ต่างๆ
ได้หลายชนิดแล้ว แต่ยังได้มีการนำไปใช้ในทางพานิชย์กันเลย
จนกระทั้งเมื่อไม่นานมานี้ นายชุก ลอง ผู้จัดการบริษัทเจนีติกเซฟวิ่งแอนด์โคลน
แห่งเมืองคอลเลจสเตชัน มลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา
ได้หาวิธีการนำโคลนนิ่งมาใช้ในทางพาณิชย์ด้วยการรับจ้างโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงที่เจ้าของแสนรัก
(เช่ สุนัข แมว ฯลฯ) ในกรณีที่สัตว์เลี้ยงสูญหายหรือตายเพื่อจะทำให้สัตว์เลี้ยงที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเดิมกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง
เป็นการตอบสนองความต้องการของผู้รัดสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย
สำหรับวิธีการโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงนี้
เจ้าของจะต้องนำสัตว์เลี้ยงไปให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทได้เจาะเซลล์ผิวหนังเพื่อต้องการนิวเคลียสไว้ใช้โคลนนิ่ง
ส่วนเซลล์ผิวหนังที่เหลือจะเก็บรักษาด้วยการแช่แข็งด้วยไนโตรเจนเหลวที่อุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส เพื่อจะได้นำมาใช้ประโยชน์ในการโคลนนิ่งได้อีก
การโคลนนิ่งนี้มีค่าใช้จ่ายสูงมาก
ประมาณครั้งละ 200,000 ดอลล่าร์ (7,400,000 บาท) คาดว่าในอีก 3-5
ปีข้างหน้าค่าใช้จ่ายจะลดเหลือประมาณ 50,000 ดอลลาร์ (1,800,000บาท)
คนไทยกับการบริจาคอวัยวะ
การบริจาคอวัยวะคือการให้อวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เพื่อนำมาใช้ปลูกถ่ายมนการช่วยชีวิตผู้ป่วย การบริจาคจะต้องเป็นไปโดยความสมัครใจของเจ้าของอวัยวะโดยไม่มีการบังคับหรือมีผลประโยชน์ตอบแทนใดๆ การบริจาคอวัยวะจึงเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นการให้ชีวิตใหม่กับผู้ป่วย
การปลูกถ่ายอวัยวะเป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยที่อวัยวะสำคัญของตัวเองเสื่อมสภาพ
เช่น หัวใจ ตับ ปอด ไต ฯลฯ และไม่สามารถรักษาด้วยวิธีการให้ยาหรือการผ่าตัดให้คือสภาพปกติได้
จะต้องใช้อวัยวะจากบุคคลอื่นไปปลูกถ่ายให้เท่านั้น
ดังนั้นการบริจาคอวัยวะจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาผู้ป่วยดังกล่าวแล้ว
ประเทศไทยได้มีการรณรงค์เพื่อการบริจาคอวัยวะมานานแล้ว
ในระยะแรกมีผู้ให้บริจาคน้อยมากเพราะมีความเชื่อที่ขัดแย้งกับการบริจาคอวัยวะ
แต่ในปัจจุบันมีแนวโน้มผู้บริจาคเพิ่มขึ้น
จากข้อมูลของศูนย์การรับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย รายงานว่าในปี พ.ศ. 2542 มีผู้แสดงความจำนงขอบริจาคอวัยวะภายหลังการเสียชีวิตแล้ว 60,216 คน มากกว่าปี พ.ศ. 2541 จำนวน 20,254 คน สำหรับในปี 2544
มีแนวโน้มจะมีผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะในกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีจำนวนผู้บริจาคอวัยวะเพิ่มมากขึ้นแล้วก็ตาม
แต่ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศพัฒนาทั้งหลายแล้วจะถือได้ว่ามีผู้บริจาคจาคอวัยวะน้อยมาก
เพราะในประเทศพัฒนาจะมีผู้บริจาคหลายล้านคน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการรณรงค์ให้มีการบริจาคอวัยวะต่อไปอีกและมุ่งเน้นไปสู่กลุ่มคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่
เพราะกลุ่มคนเหล่านี้เป็นผู้ได้รับการศึกษาจึงมีความเข้าใจในเหตุและผลของการบริจาคอวัยวะได้ง่ายด้วย
ผู้ที่สนใจจะแสดงความจำนงในการบริจาคอวัยวะขอให้ติดต่อได้ที่
ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 โทรศัพท์ (02) 256-4045-6 ได้ทุกวันในเวลาราชการ
ฮาลาล: อาหารสำหรับชาวมุสลิม
ชาวมุสลิมเป็นประชากรกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งของโลก มีสมาชิกประมาณ 1,500 ล้านคน กระจายอยู่ในประเทศต่างๆ มากมาย ต่อมาประเทศมุสลิมได้มีการรวมตัวกันเป็นองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of the lslamic Conference : OIC) มีสมาชิก 55 ประเทศ
ชาวมุสลิมจะรับประทานอาหาร
“ฮาลาน (HALAL)” เท่านั้น เพราะเป็นอาหารที่ได้รับอนุญาตตามบทบัญญัติ ศาสนาอิสลาม
อาหารฮาลานมีคุณสมบัติดังนี้
1.ไม่ประกอบด้วยหรือไม่บรรจุสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติศาสนาอิสลาม
2. ต้องไม่ถูกเตรียม แปรรูป
ขนส่ง รักษา โดยใช้เครื่องมือหรือสิ่งอุปกรณ์ที่ไม่ได้ปลอดจากสิ่งผิดบทบัญญัติศาสนาอิสลาม
3. ต้องไม่อยู่ในขั้นตอนการเตรียม
การแปรรูป การขนส่ง หรือการเก็บรักษา โดยสัมผัสโดยตรงกับอาหารที่ไม่ถูกกฎเกณฑ์ ข้อ
1และ 2
เนื่องจากชาวมุสลิมมีประชากรจำนวนมาก
จึงมีพลังการบริโภคที่มากมายด้วย ประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตอาหารสำคัญของโลก
จำเป็นจะต้องหาวิธีการที่จะผลิตอาหารไปจำหน่ายให้กับชาวมุสลิมเหล่านี้
เพื่อจะเป็นการสร้างรายได้ให้กับประเทศเพิ่มขึ้น ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ประเทศต่างๆ
ส่งอาหารไปจำหน่ายให้กับชาวมุสลิมปีละมากกว่า 3,000,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นอาหารฮาลานจากประเทศไทยปีละประมาณ 120,000
– 130,000 ล้านบาท เท่านั้น
ดังนั้นประเทศไทยจึงยังมีโอกาสที่จะผลิตอาหารไปจำหน่ายในกลุ่มชาวมุสลิมได้เพิ่มขึ้น
ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมในภาคใต้เพื่อผลิตอาหารฮาลานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และคาดว่าอนาคตประเทศไทยจะเป็นผู้ผลิตอาหารให้กับชาวมุสลิมที่สำคัญทั่วโลก
ในปัจจุบัน
ประเทศไทยไม่อาจเผชิญกับระบบการค้าเสรีที่ต้องแข่งขันกับประเทศพัฒนาทั้งหลายได้
เพราะประเทพัฒนาจะตั้งกฎเกณฑ์ต่างๆ
มากมายเพื่อหาทางกีดกันสินค้าของไทยเข้าสู่ประเทศ
แต่ถ้าหากประเทศไทยได้ตั้งกฎเกณฑ์เพื่อกีดกั้นสินค้าจากประเทศพัฒนาบ้าง
ก็จะถูกประเทศพัฒนาหาทางกลั่นแกล้งหรืกีดกันต่างๆนาๆอีกมากมาย
ผู้เขียนเห็นว่าการหาหนทางค้าขายกับกลุ่มประเทศมุสลิมจึงเป็นทางออกที่ดีอีกแนวทางหนึ่งในการเพิ่มรายได้ให้กับประเทศชาติ
เพราะประเทศมุสลิมเหล่านี้เป็นประเทศกำลังพัฒนาเช่นเดียวกับประเทศไทย
จึงมีความเข้าใจและเห็นใจในการถูกเอารัดเอาเปรียบจากประเทศพัฒนาเช่นกัน
เชื่อว่าการค้าขายกับประเทศเหล่านี้จะเป็นไปด้วยความเสมอภาคและยุติธรรม
สิงคโปร์ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ
โทรศัพท์มือถือเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเพราะมีความสะดวกสบายในการใช้งาน จึงพบผู้ใช้โทรศัพท์มือถือหลากหลายอาชีพยิ่งประชากรในประเทศอุตสาหกรรมทั้งหลายยิ่งพบผู้ใช้โทรศัพท์มือถือกันมาก จนถือได้ว่าโทรศัพท์มือถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว
สิงคโปร์เป็นประเทศอุตสาหกรรมที่มีความต้องการในการคมนาคมและการสื่อสารที่รวดเร็ว
ทำให้การใช้โทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งจำเป็นของนักธุรกิจและผู้ทำงานทุกสาขาอาชีพ
สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดผลดีต่อการปฏิบัติงานอย่างมากแต่การใช้โทรศัพท์มือถือก่อให้เกิดผลเสียเช่นกัน
เพราะผู้ใช้ไม่เลือกสถานที่และเวลา มุ่งเอาความสะดวกเป็นสำคัญ
จึงมีการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ เป็นผลให้เกิดอุบัติเหตุตามมา
เป็นการสูญเสียทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างมาก แม้ทางราชการสิงคโปร์จะมีการรณรงค์เพื่อห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับรถมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม
แต่ไม่ได้รับความร่วมมือมากนัก
ทางราชการสิงคโปร์จึงได้ออกกฎหมายให้ลงโทษปรับผู้ฝ่าฝืนที่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถเป็นเงิน
200 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 4,500 บาท)
แต่ก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะเป็นการลงโทษพียงเล็กน้อยจึงมีการฝ่าฝืนจำนวนมาก
ด้วยเหตุนี้ทางสิงคโปร์จึงได้มีการออกกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษผู้ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถด้วยการปรับ
1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 22,800
บาท) และจำคุกสูงสุด 6 เดือน
ถ้าหากยังมีการกระทำผิดซ้ำอีกก็จะถูกลงโทษปรับ 2,000
ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 45,600 บาท) และจำคุกสูงสุด 1 ปี รวมทั้งให้ยึดโทรศัพท์มือถือไว้และยึดใบขับขี่ห้ามการขับขี่รถอีกต่อไป
กฎหมายดังกล่าวเริมใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2543 เป็นต้นไป สิงคโปร์เชื่อว่าการดำเนินการด้วยมาตรการกฎหมายดังกล่าว
จะช่วยให้ลดอุบัติเหตุที่เกิดจากการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถได้อย่างมากด้วย
ประเทศไทยก็มีผู้ใช้โทรศัพท์มือถืออย่างมากเช่นกัน
ได้มีการรณรงค์ให้ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถมาเป็นเวลานาน
แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควรจึงเห็นควรที่จะนำมาตรการทางกฎหมายมาใช้บังคับเช่นสิงคโปร์ได้ดำเนินการอยู่นี้
คาดว่าจะได้รับความสนับสนุนเป็นอย่างมาก
เพราะเป็นกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการช่วยลดอุบัติเหตุการจราจร
รวมทั้งลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินอีกด้วย
องค์การอนามัยโลกกับการควบคุมการสูบบุหรี่
นับตั้งแต่ได้มีการรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ในประเทศไทยเป็นเวลานานนับสิบปีมาแล้วนั้น ผลการรณรงค์ในระยะเริ่มต้นไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรแต่มาถึงวันนี้ก็ได้ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ เพรามีคนไทยสูบบุหรี่ลดลงประมาณ 1,000,000 คนแล้ว จากเดิมเคยมีผู้สูบบุหรี่ประมาณ 11,200,000 คน ขณะนี้มีผู้สูบบุหรี่ประมาณ 10,200,000 คน ในจำนวนนี้เมื่อเทียบกับประชากรในวัยสูบบุหรี่ (อายุ 11 ปีขึ้นไป) มีเพียงร้อยละ 20 และถ้าหากเปรียบเทียบกับประชากรทั้งประเทศจะมีเพียงร้อยละ 16.72 เท่านั้น
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกรายงานว่าบุหรี่ก่อให้เกิดความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจโลกอย่างมหาศาลเป็นมูลค่ามากกว่าปีละ
200,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8.8 ล้านบาท)
และเป็นสาเหตุให้มีผู้เสียชีวิตวันละประมาณ 11,000 คน
การที่ประชากรโลกต้องสูญเสียอย่างมากดังกล่าวนี้เป็นเพราะประเทศต่างๆ
อีกจำนวนมากยังไม่ได้ให้ความเอาใจใส่ในการรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่เท่าที่ควร
นอกจากนี้แต่ละประเทศยังมีมาตรการควบคุมการสูบบุหรี่ที่แตกต่างกันไปอีกด้วย
ผู้สูบบุหรี่ส่วนมากเป็นผู้ที่มีรายได้น้อยหรือคนจนเป็นส่วนใหญ่และเป็นผู้ชายมากว่าผู้หญิง
ถ้าคนเหล่านี้เจ็บป่วยจะมีโอกาสเสียชีวิตได้ง่ายเพราะไม่มีค่ารักษาพยาบาล
รวมทั้งทำให้สูญเสียรายได้ให้กับครอบครัวอีกด้วย ดังนั้นองค์การอนามัยโลกจึงได้รึเริ่มให้มี
“สนธิสัญญาสากลในการควบคุมบุหรี่” ขึ้นโดยมุ่งหวังที่จะให้ประเทศต่าง
ได้นำหลักการในสนธิสัญญาไปสู่การปฏิบัติในลักษณะเหมือนๆกัน และพร้อมเพียงกัน
เพื่อลดจำนวนประชากรผู้สูบบุหรี่ให้สำเร็จและกำจัดบุหรี่ให้หมดไปในที่สุด
คาดว่าประเทศต่างๆจะได้ร่วมลงนามในสนธิสัญญานี้ในปี 2546 (ค.ศ.
2003)
อย่างไรก็ตาม ในการรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่นี้ได้รับการต่อต้านจากบริษัทผู้ผลิตบุหรี่ค่อนข้างมาก
โดยอ้างว่าจะก่อให้เกิดผลเสียต่อเกษตรกรที่ปลูกยาสูบและจะมีคนตกงานอีกมากมาย
ซึ่งก็เป็นความจริงอยู่บ้างแต่เป็นจำนวนน้อย
เพราะการรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่จะใช้หลักการให้คนที่สูบบุหรี่ค่อยๆลดการสูบจนเลิกสูบในที่สุดและป้องกันไม่ให้คนรุ่นใหม่เข้ามาสูบบุหรี่
การกระทำเหล่านี้ใช้เวลานานนับสิบปี
ทำให้เกษตรกรและคนงานที่ทำงานในอุตสาหกรรมบุหรี่ได้มีเวลาเตรียมตัวที่จะเปลี่ยนสภาพใหม่ได้ทัน
แต่ที่จะได้รับผลกระทบมากก็คือ บริษัทที่ผลิตบุหรี่ เพราะจะมีรายได้ลดลงอย่างมาก
อาจถึงขั้นต้องเลิกกิจการก็ได้
การรณรงค์การต่อต้านการสูบบุหรี่จึงเป็นการสูญเสียของบริษัทผู้ผลิตบุหรี่ไม่ใช่การสูญเสียของประชาชน
ในปัจจุบันประเทศไทยมีแนวโน้มจะมีผู้สูบบุหรี่ลดลงเรื่อยๆ
และผู้สูบบุหรี่จะกลายเป็นชนกลุ่มน้อยของสังคม ขณะนี้ได้มีการออกกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะออกมาใช้นานแล้ว
แต่ยังมีผู้สูบบุหรี่บางส่วนได้มีการละเมิดอยู่เสมอๆ
ด้วยการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะโดยเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ดำเนินการแต่อย่างได้
ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ประชาชนส่วนใหญ่จำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อป้องกันไม่ให้คนสูบบุหรี่
บัตรเครดิตกับสังคมบริโภค
บัตรเครดิตเป็นบัตรที่แสดงความมีศักยภาพทางด้านการเงินที่มีใช้กันในสังคมบริโภค เพราสามารถนำไปจ่ายแทนเงินสดได้ภายในวงเงินที่กำหนดไว้กับธนาคารหรือบริษัทที่เป็นผู้ออกบัตรให้ การมีบัตรเครดิตจึงเป็นการแสดงฐานะของบุคคลด้วยเพราะธนาคารหรือบริษัทจะออกบัตรเครดิตให้กับผู้ที่มีรายได้ค่อนข้างสูงและมีความมั่นคงทางการเงินเท่านั้น ในปัจจุบันจึงมีการใช้บัตรเครดิตกันทั่วไป เพราะสะดวกสบายไม่ต้องใช้เงินในการใช้จ่ายและมีความปลอดภัยจากอาชญากรรมมากกว่าการใช้เงินสด จึงนับเป็นข้อดีของบัตรเครดิต
เนื่องจากธนาคารและบริษัทผู้ออกบัตรเครดิตต้องการรายได้จากการเป็นสมาชิกบัตรเครดิต
จึงได้มีการหาลูกค้ากันมากมาย
มีการลดค่าสมาชิกหรืยกเว้นค่าสมาชิกในปีแรกรวมทั้งมีของแจกแถมต่างๆ อีกมากมาย
เพื่อจูงใจลูกค้าเข้ามาเป็นสมาชิกบัตรเครดิตของตนเป็นผลให้มีผู้ใช้บัตรเครดิตกันอย่างกว้างขวางแม้กระทั่งในกลุ่มนักเรียนนิศิตนักศึกษาที่ยังไม่ได้มีรายได้เป็นของตนเองก็มีจำนวนไม่น้อยที่มีบัตรเครดิต
ผู้ที่มีบัตรเครดิตจำนวนมากได้ใช้จ่ายเกินความสามารถของตนที่จะหาเงินมาให้กับธนาคารหรือบริษัทผู้ออกบัตรเครดิต
โดยต้องชดใช้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยที่แสนแพง
จนต้องฟ้องร้องเป็นคดีในศาลกันก็มากมาย บางรายหาเงินมาใช้ไม่ได้ก็ฆ่าตัวตายก็มี
ดังเช่นที่เกิดเหตุการณ์ในสหรัฐอเมริกามาแล้ว
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก
ชีวิตของคนอเมริกากันส่วนมากเป็นสังคมบริโภคนิยมที่ส่งเสริมให้สมาชิกของสังคมได้บริโภคมากที่สุดตามวิธีคิดของทฤษฎีทุนนิยมอเมริกันที่เชื่อว่าเศรษฐกิจจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจะต้องเร่งให้สมาชิกของสังคมเป็นผู้บริโภคให้มากที่สุด
ผลจากแนวคิดดังกล่าวทำให้ก็ใช้บัตรเครดิตของชาวอเมริกันเป็นไปอย่างกว้างขวาง เยาวชนจำนวนมากถูกกลไกลการตลาดชักจูงให้มีบัตรเครดิตโดยเฉพาะเยาวชนที่เริ่มเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษา
บุคคลเหล่านี้ยังไม่มีรายได้เป็นของตนเอง (ต้องขอเงินพ่อแม่มาใช้จ่าย)
แต่เมื่อมีบัตรเครดิตก็ใช้จ่ายกันโดยขาดความยั้งคิด
ใช้จ่ายเกินความจำเป็นหรือใช้จ่ายเกินกำลังที่ตนเองพึงมีเป็นผลให้ต้องกลายเป็นลูกหนี้ของบริษัทผู้ออกบัตรเครดิตและเสียดอกเบี้ยมากกว่าร้อยละ
20 เยาวชนบางรายไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้ก็หาทางออกด้วยการฆ่าตัวตาย
เยาวชนจำนวนไม่น้อยก็ก้มหน้าก้มตาทำงานหาเงินใช้หนี้แต่ก็ไม่พอกับดอกเบี้ยที่เพิ่มอย่างรวดเร็ว
จึงต้องยื่นเรื่องต่อศาลขอเป็นบุคคลล้มละลายเพื่อจะได้ไม่ต้องชดใช้หนี้เหล่านี้อีกต่อไป
เรื่องดังกล่าวนี้คงจะถือเป็นภาพในด้านลบของการมีบัตรเครดิตสำหรับผู้ขาดความยั้งคิด
แทนที่จะได้ประโยชน์จากการใช้บัตรเครดิตกลับทำให้เกิดโทษต่อตนเองดังเช่นที่เกิดขึ้นกับสังคมบริโภคของสหรัฐอเมริกา
จึงขอให้ทุกท่านที่มีบัตรเครดิตได้กรุณาใช้จ่ายด้วยความประหยัดและคำนึงถึงประโยชน์ที่จำนำไปใช้เป็นสำคัญ
เพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นลูกหนี้ของธนาคารหรือบริษัทผู้ออกบัตรเครดิตนั่นเอง
โรงเรียนเพิ่มเสน่ห์ในฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในหลายๆด้าน ที่รู้จักกันมากก็ได้แก่เมืองแห่งน้ำหอมและเหล้าองุ่น เพราน้ำหอมที่มีชื่อและเหล่าองุ่นที่รสชาติดีต้องมาจากฝรั่งเศสเท่านั้น นอกจากนี้กรุงปารีสเมืองหลวงของฝรั่งเศสยังได้รับการเห็นชอบจากผู้คนทั้งหลายให้เป็นสถานที่ที่มีบรรยากาศโรแมนติกที่สุดในโลกทำให้กรุงปารีสเป็นที่ใฝ่ฝันของหนุ่มสาวทั้งหลายที่ต้องการมาพบเห็นให้ได้ในชีวิตหนึ่ง ส่วนชาวฝรั่งเศสก็ได้รับการยอมรับจากประเทศต่างๆ ว่าเป็นคู่รักที่เซ็กซี่และยอดเยี่ยมที่สุดในโลก รวมทั้งเป็นคู่รักที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นความภาคภูมิใจของชาวฝรั่งเศสในอดีต แต่ในปัจจุบันชาวฝรั่งเศสรุ่นใหม่ไม่เหมือนกับบรรพบุรุษมากนัก หาคู่รักที่เซ็กซี่ได้ลดน้อยลง ผู้ชายฝรั่งเศสกลายเป็นผู้ที่ขี้อายประหม่า เมื่อพบหญิงสาวที่ถูกตาต้องใจ ส่วนหญิงสาวฝรั่งเศสก็ไม่ได้สดสวยมากนักไม่มีเสน่ห์ที่จะดึงดูดใจเพศตรงข้ามได้มากเหมือนในอดีต สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ชายและผู้หญิงฝรั่งเศสรุ่นใหม่ขาดความมั่นใจในตนเองไปอย่างมากด้วย
เมื่อไม่นานมานี้นายเวโรนิก
จูลเลี่ยน
ผู้คิดจะช่วยแก้ไขปัญหาในด้านการสร้างความมั่นใจให้กับหนุ่มสาวฝรั่งเศสรุ่นใหม่ได้เห็นว่าต้องมีการให้การศึกษาด้วยการพัฒนาบุคลิกภาพเพื่อเป็นการสร้างเสน่ห์ที่สำคัญให้กับหนุ่มสาวจะได้มีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น
จึงได้จัดตั้งโรงเรียนเพิ่มเสน่ห์ (School of Seduction) ขึ้นมาที่กรุงปารีส
และโรงเรียนแห่งนี้ได้โฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อชักจูงใจชาวฝรั่งเศสทั้งชายและหญิงให้เข้ามาศึกษา
โดยเน้นว่าเมื่อศึกษาจนจบหลักสูตรล้วจะทำให้ผู้ชายที่ขี้อายที่สุดหรือผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดกลายเป็นคนที่มีเสน่ห์ที่สามารถดึงดูดเพศตรงข้ามเข้ามาเป็นคู้รักได้ดังปรารถนา
และชาวฝรั่งเศสจะเป็นคู่รักที่เซ็กซี่และยอดเยี่ยมที่สุดในโลกเหมือนเดิม
หลังจากประชาสัมพันธ์ได้ไม่นาน
ได้มีหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยมาสมัครเข้าศึกษาในโรงเรียนเพิ่มเสน่ห์แห่งนี้
ผู้สมัครแต่ละคนจะต้องผ่านการทดสอบทางจิตวิทยาเพื่อประเมินจุดเด่นจุดด้อยของตนเอง
จากนั้นจึงได้มีการเรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์เพิ่มเสน่ห์ให้ตนเองไปเรื่อยๆ
จนจบหลักสูตร นับว่าโรงเรียนดังกล่าวได้ช่วยเหลือสังคมของชาวฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก
เพราะขณะนี้ชาวฝรั่งเศสส่วนมากมีการสมรสเมื่ออายุค่อนข้างสูง
ทำให้ช่วงวัยเจริญพันธุ์ที่จะมีลูกเหลือน้อยลงแต่ละครอบครัวจึงมีลูกไม่มากหรือไม่มีเลย
ผู้หญิงบางคนมีความรู้ความสามารถที่ดีมีงานทำรายได้สูงก็ไม่นิยมมีครอบครัว
เพราะไม่ต้องการพึ่งพาผู้ชายอีกต่อไปพฤติกรรมดังกล่าวนี้ทำให้อัตราการเพิ่มประชากรของฝรั่งเศสต่ำมาก
ถ้าเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จะมีผลกระทบต่อโครงสร้างของประชากรอย่างรุนแรง เพราะจะมีคนชราหรือสูงอายุเป็นจำนวนมากกว่าผู้ที่อยู่ในวัยทำงานเพื่อสร้างผลผลิตให้กับประเทศชาติรัฐบาลฝรั่งเศสจึงพยายามให้หนุ่มสาวได้มีครอบครัวและมีบุตร
ดังนั้นโรงเรียนเพิ่มเสน่ห์ที่สร้างขึ้นจึงสอดคลองกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งให้หนุ่มสาวได้มีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามเพื่อจะได้มีคู่รักและมีครอบครัวต่อไปในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือก้าวไกลในโลกกว้าง เล่ม 3
จัดทำโดย : สำนักบริการวิชาการมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2545
ขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือก้าวไกลในโลกกว้าง เล่ม 3
จัดทำโดย : สำนักบริการวิชาการมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2545
เป็นไปได้อยากโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงเลย
ตอบลบเนื้อหามีหลายเรื่องมากเลยอ่ะ
ตอบลบเนื้อหาสาระดีมากจร้า
ตอบลบอยากบริจากอวัยวะนะเพื่อจะได้บุุญ
ตอบลบข้อมูลดีๆ
ตอบลบเนื้อหาเยอะมว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก
ตอบลบอยากไปเรียนที่ฝรั่งเศษ ติดอย่างเดียวแหละ...พูดภาษาบ้านเค้าไม่เป็น 555
ตอบลบเนื้อหาดีมาก เป็นความรู้ประดับตัว
ตอบลบข้อมูลเเน่นๆ มากๆๆเลย
ตอบลบมีข้าวหอม จ๊ะจ๋า ด้วยอ้ะ
ตอบลบสัตว์เลี้ยงแสนรัก555
ลบสวยงามมาก
ตอบลบข้อมูลน่าสนใจมาก ความรู้แบบจัดเต็ม
ตอบลบมีสาระ
ตอบลบข้าวหอมคืองามแท้
ตอบลบ